วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555

อากง



ไม่ได้เหนือความคาดหมายกับการนำกรณีการเสียชีวิตของ อำพล ตั้งนพคุณ วัย 61 ปี นักโทษคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก 20 ปี ไปขยายผลอย่างเอาจริงเอาจังของพวก “แดงล้มเจ้า” เป้าหมายเพื่อให้แก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 เปิดทางให้สามารถวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ได้โดยสะดวก ซึ่งที่ผ่านมาคนพวกนี้ก็ได้มีการนำเอากรณีการจำคุก อำพล โดยใช้คำว่า “อากง” มาสร้างความหมายเรียกร้องความเห็นใจ ทำนองว่า “รังแกคนแก่” และกฎหมายไม่เป็นธรรม ต้องมีการแก้ไข อะไรประมาณนั้น
      
       ก่อนหน้านี้มีการเคลื่อนไหวกันถึงขนาดมีนักเขียนมือสมัครเล่นอยากดังถึงกับลงทุนโหนกระแสด้วยการ “เปลือยนม” เรียกร้องให้ปล่อยตัวอากง และร่วมเคลื่อนไหวลงชื่อให้แก้ไขกฎหมายอาญามาตราดังกล่าว
      
       อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาหัวโจกในการเคลื่อนไหวเรื่องดังกล่าวมาจากพวกนักวิชาการที่ “ไม่เอาเจ้า” กลุ่มหนึ่งเท่าที่จำได้ก็มีชื่อปรากฏ เช่น สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปะศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เกษียร เตชะพีระ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และก่อนหน้านี้คนพวกนี้ก็ร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มนิติราษฎร์ ที่มีหัวโจกคือ วรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่เสนอให้แก้ไขมาตรา 112 มาแล้วแต่ไม่สำเร็จ เพราะฝ่ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่กล้ารับลูกดำเนินการตรงๆ เพราะถูกต่อต้านจากสังคมในวงกว้างนั่นเอง
      
       ทำให้คนในรัฐบาลหลายคนตั้งแต่นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงมา จนถึงรองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่มักรับงานเคลื่อนไหวในเรื่องการเสนอกฎหมายในสภาก็ปฏิเสธ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่แตะต้องเรื่องดังกล่าว รวมทั้งมีท่าทีแข็งกร้าวจากคนในกองทัพขัดขวางทำให้ต้องฝ่อลงไป แต่ก็ไม่วายที่อาจารย์ในมหาวิทยาลัยกลุ่มนี้หันมาโจมตีรัฐบาลระบุว่า ย่ำศพคนเสื้อแดงขึ้นไปเสพอำนาจ รวมไปถึงการปรองดองกับอำมาตย์ เป็นต้น
      
       สำหรับกรณีของอำพล หากพิจารณาผิวเผินโดยไม่รู้ที่มาที่ไปก็อาจเข้าใจผิดไปว่าทำไมต้องมาจับคนแก่ขังคุกถึง 20 ปี เป็นเรื่องไม่เป็นธรรมและทำร้ายจิตใจกันมากเกินไปหรือเปล่า สร้างกระแสรัดทดได้ไม่ยาก แต่ขณะเดียวกันต้องรับรู้ข้อมูลกันอีกด้านหนึ่งด้วยว่าเขาเคยมีชื่ออยู่ในบัญชีของตำรวจสันติบาลมานานแล้ว เนื่องจากมีความเคลื่อนไหวหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ และในการชุมนุมคนเสื้อแดงเขาก็มักไปเข้าร่วมและมักแจกจ่ายใบปลิวโจมตีสถาบันอยู่เสมอ จนเรียกได้ว่า “เป็นแดงล้มเจ้าฮาร์ดคอร์” คนหนึ่งทีเดียว และสาเหตุที่ต้องติดคุกก็เนื่องจากได้กระทำความผิดจากกรณีส่งข้อความสั้นจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างรุนแรงต่อเนื่องกันหลายครั้ง มีความผิดต่างกรรมต่างวาระ หลายกระทง จนกระทั่งนำไปสู่คำพิพากษาจำคุก 20 ปี โดยแยกเป็น 4 กระทงๆ ละ 5 ปี
      
       นั่นคือที่มาที่ไป ไม่ใช่จู่ๆ ไปจับเขาขังคุก ใช้อำนาจเถื่อนรังแก ก็หาใช่ไม่ ซึ่งเหมือนกับคนทั่วไปหากไม่ได้ไปดูหมิ่น ให้ร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี และรัชทายาท ที่กำหนดเอาไว้ตามกฎหมายก็ไม่มีความผิด อีกทั้งหากไม่มีเจตนาที่จะจาบจ้วงก็ไม่เห็นต้องเดือดร้อนกับการมีกฎหมายดังกล่าว
      
       กรณีของอากง แม้จะมีความเสียใจต่อการเสียชีวิต เพราะถือว่าทุกชีวิตมีค่า มีความหมาย แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ควรที่จะนำกรณีดังกล่าวมาบิดเบือน เพื่อสร้างกระแสไม่เลิก ตั้งแต่ถูกจับกุม ความพยายามในการขอประกันตัว จนกระทั่งล่าสุดกรณีการเสียชีวิต ซึ่งคนพวกนี้ที่กำลังดำเนินการอย่างเต็มที่ถือว่าน่ารังเกียจยิ่งกว่า เพราะไม่ต่างจากการ “หากินกับคนตาย” ใช้คนตายมาสร้างกระแสเพื่อนำไปสู่เป้าหมายของตัวเอง และที่สำคัญก็คือการพยายามนำเสนอข้อมูลแบบลับๆ ล่อๆ เจตนาให้สังคมเข้าใจผิด ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ต้องเสียหายโดยที่ไม่อยู่ในฐานะชี้แจงอย่างตรงไปตรงมาได้
      
       คำพูดของ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ที่ใช้โอกาสนี้ใช้ถ้อยคำปลุกเร้าอย่างรุนแรง มีเจตนาทำลาย “ใคร” เชื่อว่าคนที่ติดตามเรื่องราวอย่างเข้าใจก็ย่อมมองออกได้ไม่ยาก เพราะความหมายที่ซ่อนอยู่นั้นต้องการสื่อไปถึงใคร
      
       แน่นอนว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและความพยายามในการสร้างกระแสดังกล่าวของคนพวกนี้อาจจะยังไม่ได้ผล เพราะยังเชื่อว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยยังไม่กล้ากลับลำ หรือทำอะไรที่โฉ่งฉ่าง อีกทั้งเวลานี้ระหว่างแดงล้มเจ้ากับ แดงทักษิณ ถือว่าแยกทางกันค่อนข้างชัดเจน โดยฝ่ายหลังมุ่งหาผลประโยชน์ ไม่ต้องการอุดมการณ์ เพราะกินไม่ได้ กำลังสนุกอยู่กับอำนาจรัฐและปรองดองกับอำมาตย์
      
       การออกมาเคลื่อนไหวของแดงล้มเจ้าที่พุ่งเป้าไปที่การทำหน้าที่ของหน่วยงานรัฐในการควบคุมตัวของกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม รวมไปถึงกระบวนการยุติธรรม โจมตีศาล ซึ่งไม่อยากนึกภาพว่าหากเป็นรัฐบาลชุดที่แล้วบรรยากาศจะคึกคักมากกว่านี้แน่นอน แต่ก็อย่างว่านั่นแหละเป้าหมายที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ข้างหลังหากสังเกตให้ดีเป้าหมายอยู่ที่สถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่เชื่อก็ลองกลับไปพิจารณาข้อความในเฟซบุคส์ของสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ที่ใช้ถ้อยคำรุนแรงขึ้นมึงนั้นหมายถึงอะไร!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น